แฟลก ลิกแนน ( Flax Lignans ) เอสโตรเจนทดแทนจากพืช
เคยสังเกตกันบ้างไหมว่า ผู้หญิงบางคนทำไมมีรูปร่างกลมกลึง สัดส่วนสวยงาม
ส่วนเว้าส่วนโค้งได้รูป ในขณะที่บางคนกลับรูปร่างตรงกันข้าม
ทั้งๆที่เป็นผู้หญิงเหมือนกัน
คำตอบอยู่ที่ฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายนั่นเอง
เพราะด้วยหน้าที่ของฮอร์โมนเอสโตรที่ผลิตจากรังไข่
มีผลต่ออวัยวะหลายส่วนเป็นฮอร์โมนที่หากมีระดับที่เหมาะสมในร่างกาย
จะส่งเสริมให้ผู้หญิงมีลักษณะเด่นชัด ของความเป็นหญิงอย่างสมบูรณ์
นอกจากนี้แล้วฮอร์โมนเอสโตรเจนยังมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นระบบรอบเดือน
เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการตั้งครรค์
ส่วนใหญ่แล้วฮอร์โมนเอสโตรเจนในผู้หญิงแต่ละคน
จะผลิตไม่เท่ากันเช่นในรายที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนมากเกินไป
จะพบว่าจะมีโอกาสอ้วนง่าย
รูปร่างไม่สมส่วนอันเนื่องมาจากการสร้างและสะสมของไขมันมากเกินไป
อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่ายและมีความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งได้หลายชนิด
ส่วนในรายที่มีการผลิตเอสโตรเจนน้อยเกินไป ร่างกายจะผอมเกร็ง ไม่มีทรวดทรง
รอบเดือนไม่ปกติ ผิวพรรณเหี่ยวย่น
และเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้มาก
จะเห็นได้ว่าฮอร์โมนเอสโตรเจน มีบทบาทสำคัญในการกำหนด
คุณลักษณะของความเป็นหญิงและการมีสุขภาพที่ดี
ดังนั้นการมีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนอยู่ในระดับปกติ ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ
ซึ่งในความเป็นจริงแล้วร่างกายของผู้หญิงเรามีลักษณะของฮอร์โมนเอสโตรเจนที่
ไม่สม่ำเสมอ ขึ้นลงอยู่ตลอดเวลา
การสร้างความสมดุลของฮอร์โมนเอสโตรเจนจึงเป็นสิ่งจำเป็น
ทางเลือกหนึ่งของผู้หญิงเราคือ
การเลือกใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจนในรูปแบบอื่นเสริมทดแทนในส่วนที่ขาด
หรือมากเกินไปที่จริงแล้วการใช้ฮอร์โมนทดแทนมีมานานแล้วในวงการแพทย์
มักใช้ในผู้หญิงวัยทองที่รังไข่ไม่สามารถผลิตฮอร์โมนชนิดนี้ได้แล้ว
แต่ในปัจจุบันเราพบว่า นอกจากในผู้หญิงวัยทองแล้ว
ในผู้หญิงวัยอื่นๆก็จำเป็นเช่นกัน
จึงมีการสังเคราะห์ฮอร์โมนเอสโตรเจนจากพืชขึ้นมา
พืชที่มักมีการนำมาสังเคราะห์ฮอร์โมนเอสโตรเจน มีหลายชนิดเช่น ถั่วเหลือง (
Soy Bean ), ตังกุย ( Dong Quai ) , อัลฟัลล่า ( Alfalfa )
และพืชอีกชนิดหนึ่งที่เพิ่งถูกค้นพบและได้รับความสนใจอยู่ในขณะนี้ก็คือ
เมล็ดแฟลก ซึ่งเป็นเมล็ดของ ต้นไม้ชนิดหนึ่งที่ขึ้นอยู่ในประเทศแถบยุโรป
และเมล็ดของต้นแฟลกนี้เอง ที่ภายในของมันจะมีสารที่ชื่อว่า “ ลิกแนน
Lignans ” ซึ่งมีปริมาณของเอสโตรเจนสูงกว่า ที่มีอยู่ในถั่วเหลืองมาก
เมล็ดแฟลกจึงถูกนำมาสังเคราะห์และผ่านกระบวนการทางห้องปฎิบัติการร่วมกับพืช
อีก 2 ชนิดคือโสมแดงและตังกุย เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ฮอร์โมนเอสโตรเจน
จากพืช ภายใต้ชื่อการค้าว่า “ แฟลก ลิกแนน ( Flax Ligans ) ”
ซึ่งประกอบด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ 3 ชนิด คือ
โสมแดงสกัดเข้มข้น
ซึ่งโสมแดงนี้เกิดจากโสมขาวที่แก่จัดทำให้มีคุณค่าสมบูรณ์เต็มที่
นำมาผ่านการอบด้วยไอน้ำที่อุณหภูมิ 130 องศาเซลเซียล นาน 4 ชม.
ทำให้มีสารสำคัญเพิ่มอีก 4 ชนิด
มีส่วนสำคัญในการช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระเสริมสร้างประสิทธิภาพของร่างกาย
ทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของปอด
กล้ามเนื้อหัวใจ
ตังกุยสกัดเข้มข้น
ซึ่งตังกุยเป็นสมุนไพรจีนที่นิยมใช้ในสตรีมานานหลายพันปีแล้ว
ช่วยปรับความสมดุลของฮอร์โมนบรรเทาอาการวัยทอง ปรับประจำเดือนให้มาปกติ
บำรุงเลือด ช่วยทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง
ต้านอนุมูลอิสระและป้องกันมะเร็งในสตรี เอสโตรเจนจากพืช ( Ligans )
เอสโตรเจนที่ได้จากแฟลก ลิกแนนนี้จะออกฤทธิ์อย่างอ่อนๆ
มีหน้าที่ไปแย่งจับฮอร์โมนเอสโตรเจนตามอวัยวะต่างๆ
มีผลให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติของร่างกายเราออกฤทธิ์ได้
น้อยลงทำให้เกิดความสมดุลของฮอร์โมนน
ี้ในร่างกายมีผลอย่างมากต่อสุขภาพและความงามของผู้หญิง
ซึ่งก็หมายความว่าในภาวะที่ร่างกายมีเอสโตรเจนสูง แฟลก
ลิกแนนจะช่วยลดฤทธิ์ของเอสโตรเจน แต่เมื่อร่างกายอยู่ในสภาวะเอสโตรเจนต่ำ
แฟลก
ลิกแนนจะช่วยเพิ่มฤทธิ์ของเอสโตรเจนเป็นผลให้เกิดความสมดุลของเอสโตรเจนใน
ร่างกายอยู่เสมอ
ผลของเอสโตรเจนต่อร่างกาย
เอสโตรเจนเป็นฮอร์โมนเพศหญิงที่สร้างจากรังไข่กระจายไปตามกระแสเลือดและ
ทำให้เกิดผลกับอวัยวะที่สำคัญได้แก่ สมอง หลอดเลือด อวัยวะเพศ
ระบบทางเดินอาหาร ถุงน้ำดี ผิวหนัง กระดูกและเต้านม
ระดับของฮอร์โมนเอสโตรเจนขึ้นลงตามรอบของประจำเดือน
ฮอร์โมนโปรเจสเตอร์โรนก็ฮอร์โมนเพศหญิงอีกชนิดหนึ่ง
มันมีหน้าที่เตรียมมดลูกเพื่อการฝังตัวของทารก
ระดับฮอร์โมนนี้จะสูงก่อนมีประจำเดือน เมื่อไม่มีการปฏิสนธิ
ฮอร์โมนนี้จะลดลงอย่างรวดเร็วทำให้เกิดการขับของเยื่อบุมดลูกเกิดประจำเดือน
ออกมา
เมื่อเข้าสู่วัยทอง
เมื่อเข้าสู่วัยทองการผลิตฮอร์โมนทั้งสองจะมีปริมาณลดลง
ในช่วงแรกที่เรียกว่า premenopusal
ระดับฮอร์โมนยังไม่หยุดผลิตแต่อาจจะผลิตมากไป หรือน้อยเกินไป
หรือมาไม่สม่ำเสมอ ทำให้เราเกิดอาการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจ
แต่เมื่อเข้าสู่วัยทองการผลิตฮอร์โมนจะลดลงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่
อวัยวะดังนี้
ระบบสืบพันธ์ซึ่งรวมอวัยวะเพศ ทางเดินปัสสาวะ
เนื้อเยื่อจะฝ่อทำให้เกิดอาการช่องคลอดแห้ง คันช่องคลอด
เจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์ ปัสสาวะบ่อย กลั้นปัสสาวะไม่ได้
ผิวหนัง เลือดที่ไปเลี้ยงผิวหนังมีปริมาณมากขึ้นทำให้เกิดอาการร้อนตามตัว
สมอง การที่ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงทำให้เกิดอาการซึมเสร้า อารมณ์แปรปรวน รู้สึกไม่สบายตามตัว
กระดูก การขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนทำให้เนื้อกระดูกโปร่งบาง กระดูกหักง่าย
ผู้ป่วยจะมีน้ำหนักน้อยลง เตี้ยเนื่องจากหลังค่อม ปวดกระดูกส่วนที่โปร่งบาง
หัวใจ การฮอร์โมนจะทำให้เกิดโรคหัวใจเพิ่มขึ้น